วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ด้านที่สองของ APPLE

Apple_logo

   แอปเปิลลนั้นเป็นผู้นำเทรนใหม่อย่างแท้จริง ซึ่งนอกจากจะเป็นผู้ปฏิวัติตลาดเพลงด้วย iPod แล้วยังได้ผลิตสมาร์ทโฟนที่เป็นขวัญใจมหาชนอย่าง IPhone รวมทั้งอุปกรณ์แท็บเล็ตสุดล้ำยุคอย่าง iPad ด้วย จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกอะไรหากจะกล่าวว่าแอปเปิลนั้นถือเป็นบริษัทต้นแบบ แห่งโลกแห่งดิจิตอลยุคใหม่ ชนิดที่ยากใครจะหาเทียบได้ ทั้งแอปเปิลมักจะมีแรงบัลดาลใจในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องจนในบางครั้งก็ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ที่เดียว แต่อย่างไรก็ดีหากคุณจับตามองแอปเปิลอย่างใกล้ชิดแล้วก็จะพบกับข้อมูลอีกด้านหนึ่งเช่นกัน บริษัทที่ได้รับการฟื้นฟูและปรับโครงสร้างใหม่โดย Steve Jobs จนมีอำนาจทางการตลาดสูงสุดในปัจจุบันนั้นได้ยื่นมือเข้าไปเกี่ยวข้องกับสินค้าในโลกของไอทีจำนวนมาก และนั่นก็ทำให้แอปเปิลต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ระดับยักษ์ใหญ่อย่าง Adobe, Google และ Amazon อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
   ต่อไปนี้เราจะแสดงให้คุณเห็นว่าแอปเปิลนั้นก่อให้เกิดความวุ่นวาย กับโลกของมัลติมีเดีย, ผู้พัฒนาแอพพลิเคชัน, สมาพันธ์ควบคุมการแข่งขันทางการค้าแห่งสหรัฐอเมริกา หรือแม้แต่ผู้ใช้ที่ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับสินค้าของแอปเปิลอย่างไรบ้าง ยิ่งไปกว่านั้นคุณก็จะได้ทราบด้วยว่าทำไม Google จึงไม่ได้เป็นหุ้นส่วนส่วนที่ดีของแอปเปิลอีกต่อไปจนทำให้ Steve Jobs ต้องหันไปร่วมงานกับคู่แข่งในอดีตอย่างไมโครซอฟท์รวมทั้งเสิร์ชเอนจินของพวกเขาอย่าง Bing แทน

ist2_5147381-red-apple-and-plug

ผู้ใช้แอปเปิล: นวัตกรรมแห่งความเข้ากันได้
   แอปเปิลได้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาอยู่เสมอและมักจะไม่ค่อยยึดติดกับสื่อเก็บข้อมูลประเภทดิสก์ไดรฟ์ทรงสี่เหลี่ยมเท่าใดนัก จนกระทั่งในปัจุบันนี้แอปเปิลก็ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงการเป็นผู้ในทางด้านแนวคิดดังกล่าวอย่างชัดเจน ด้วยเครื่อง iPad ที่ไม่ได้มาพร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อแบบยูเอสบี โดยสิ่งที่จะนำมาเชื่อมต่อกับมันได้ก็จะต้องเป็นอุปกรณ์เสริม เฉพาะของแอปเปิลเองซึ่งต้องจ่ายเงินเพิ่มเท่านั้น
   สิ่งที่ดูเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับแอปเปิลนั้นกลับกลายเป็นเรื่องที่น่ารำคาญสำหรับผู้ใช้ iPod, iPhone และ iPad ทั่วไป เนื่องจาก iPad จะไม่มีพอร์ตเชื่อมต่อแบบ Plug&Play รวมอยู่ด้วย แต่สำหรับเครื่อง iMac นั้นผู้ใช้จะสามารถนำไดรฟ์ซีดีมาติดตั้งแทนที่ฟลอปปี้ดิสก์ ได้ทันทีแต่จนถึงขณะนี้แอปเปิลเองก็ยังไม่มีทางเลือกที่ ใช้ในการแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้ ด้วยเหตุนี้ iPad จึงกลายเป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่ดูแล้วไม่ค่อยได้เรื่องนัก นอกจากนี้บริการที่อยู่บนพื้นฐานของคราวด์เน็ตเวิร์ก หรืออย่างน้อยก็ทางเลือกในการใช้ iPad เป็นไดรฟ์บนระบบเน็ตเวิร์กนั้นจะเป็นไปได้ก็ด้วยบริการจาก MobileMe อันแสนจำกัดเท่านั้น และแม้แอปเปิลจะกำลังวางแผนเกี่ยวกับโครงการของ iTunes ในเวอร์ชันออนไลน์แต่ก็ยังคงต้องใช้เวลาอีกนาน โดยสิ่งที่ผู้ใช้ iPod, iPhone หรือ iPad สามารถทำได้ในขณะนี้ก็เพียงแค่เชื่อมต่ออุปกรณ์ทั้งสามชนิดนี้เข้ากับเครื่องพีซีและซิงก์โครไนซ์ข้อมูลเข้าไปเท่านั้น ซึ่งดูจะห่างไกลจากเรื่องของการปฏิวัติที่แอปเปิลโฆษณาไว้มากมายทีเดียว

html5-vs-flash1

Adobe: ต้องการ HTML5 และยังคงไม่สนใจ Flash
   แอปเปิลนั้นดูเหมือนจะเป็นบริษัทแถวหน้าที่กำลังผลักดันมาตรฐานใหม่อย่าง HTML5 ให้ใช้งานกันอย่างกว้างขวาง เนื่องจากมันมาพร้อมกับคุณสมบัติที่สำคัญอย่างเช่นการแสดงเนื้อหาแบบมัลติมีเดียโดยไม่จำป็นต้องติดตั้งปลั๊กอินเข้ากับบราวเซร์ ซึ่งตัว Steve Jobs เองก็เห็นด้วยว่าทั้ง HTML, JavaScript และ CSS นั้นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งสำคัญที่มีอิทธิพลต่อโลกของอินเตอร์เน็ตด้วยกันทั้งสิ้น นั่งจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมแอปเปิลจึงต้องรีบผลักดันผู้สืบทอดที่จะมารับช่วงต่อจากมาตรฐานเก่าอย่าง HTML 4.01 ที่มีอายุกว่า 11 ปีโดยเร็วที่สุด
   อย่างไรก็ดีแอปเปิลก็กำลังเดิมพันกับมาตรฐานเพียงชนิดเดียวที่ยังไม่มีใครรู้ว่ามันจะปรากฏตัวจริงๆ ได้เมื่อไหร่ เพราะกลุ่ม WHATWG ที่กำลังพัฒนามาตรฐานนี้อยู่รวมทั้งคณะกรรมการที่มีหน้าที่กำหนดมาตรฐานการแสดงผลบนหน้าเว็บอย่าง W3C ต่างก็ยังไม่ได้ลงนามในข้อตกลงเพราะยังไม่เห็นด้วยกับรายละเอียดในหลายๆจุด หรือแม้กะทั้งแต่เว็บไซต์พอร์ทัลวีดีโอขนาดใหญ่อย่าง YouTube ของ Google ที่นำมาตรฐาน HTML5 มาใช้เป็นรายแรกจนสามารถแสดงผลได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ Flash ภายใต้เว็บไซต์ www.youtube.com/html5 ก็ยังไม่ค่อยมั่นใจในอนาคตของ HTML5 เท่าใดนัก โดยรูปแบบไฟล์ของ Adobe นั้นก็ยังคงมีข้อได้เปรียบมากกว่าโดยเฉพาะการแสดงผลวีดีโอสตรีมความละเอียดสูงและรูปแบบ Pull-Page นอกจากนี้ HTML5 ยังขาดคุณสมบัติในการสนับสนุนการป้องกัน DRM ซึ่งจำเป็นต่อการแสดงผลวีดีโอบางชนิดดังนั้นการนำมาตรฐาน HTML5 มาใช้อย่างเป็นทางการจึงยังคงเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในเร็วๆ นี้
   เรื่องดังกล่าวดูเหมือนจะไม่ได้ทำให้แอปเปิลรู้สึกสะทกสะท้านอะไรเท่าใดนักเพราะจนถึงขณะนี้ Safari เวอร์ชันโมบายล์ก็ยังคงไม่สนับสนุน Flash โดยจะสามารถเรียกเปิดวีดีโอขึ้นมาได้ด้วยการติตตั้งแอพพลิเคชันพิเศษลงไปหรือเฉพาะบางเว็บไซต์ที่ออกแบบให้สามารถแสดงผลวีดีโอบนอุปกรณ์พกพาของแอปเปิลได้เท่านั้นด้วยเหตุนี้ผู้ให้บริการวีดีโอจำนวนมากจึงจำเป็นต้องปรับปรุงเว็บไซต์ของพวกเขาเสียใหม่ ซึ่งด้วยกลุ่มผู้ใช้ iPhone จำนวนมาก จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้ให้บริการเหล่านี้จะเพิกเฉยต่อการพัฒนาเพื่อนำไปสู่การดึงดูดกลุ่มเป้าหมายขนาดใหญ่ ดังนั้นหากจะกล่าวว่าแอปเปิลมีอิธิพลต่อผู้ใช้ที่ไม่ได้มีทั้ง iPod หรือ iPhone ก็ไม่ใช่สิ่งที่เกินจริงเลย เพราะสุดท้ายแล้วพวกเขาก็จะต้องเรียกเปิดเว็บด้วยมุมมองที่ออกแบบมาสำหรับแอปเปิลแม้ว่าจะไม่เต็มใจก็ตาม
   สำหรับเหตุผลที่ Adobe ถูกปฏิเสธนั้นฟังดูแล้วก็ไม่ค่อยมีน้ำหนักเท่าใดนัก โดย Steve Jobs ก็ได้ให้เน็ตผลไว้ในจดหมายเปิดผนึกในต้นเดือนเมษาที่ผ่านมาว่า Flash นั้นเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้ระบบปฏิบัติการบนอุปกรณ์ของพวกเขาทำงานล้มเหลวและยังใช้พลังงานจำนวนมาก ซึ่งนั้นก็ทำให้ Adobe ออกมาคัดค้านอย่างรุนแรง และในเวลาต่อมาก็ได้เปิดตัว Flash Player 10.1 ออกสู่ตลาดโดยมีความสามารถในการรองรับการเร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์ในตัวซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระของซีพียูของเครื่องพีซีลงได้มาก หรือแม้กระทั่งกรณีของเครื่อง Mac ก็เช่นกันโดยในการทดสอบเบื้องต้นบนเครื่อง MacBook Pro ที่มาพร้อมกับซีพียูความเร็ว 2.66GHz และการ์ดแสดงผล Geforce GT330M นั้นก็พบว่ามันช่วยลดการใช้งานซีพียู เวลาที่รียกเปิดไฟล์วีดีโอแบบ HD บนเว็บไซต์ YouTube จากประมาณ 80เปอร์เซ็นต์เหลือเพียง 40 เปอร์เซ็นเท่านั้น และนั่นก็ส่งผลให้ประหยัดแบตเตอรี่ได้มากขึ้นตามไปด้วย จดหมายของ Steve Jobs นั้นก็ได้ถูกตีพิมพ์ออกมาก่อน Flash Player เวอร์ชันปรับปรุงเป็นเวลาเล็กน้อย แต่สำหรับเอกสารที่เป็นประโยชน์กับ Adobe อย่างเช่นข้อมูล API ของ Mac Hardware นั้น จนถึงขณะนี้แอปเปิลก็ยังคงไม่ตีพิมพ์ออกมาแต่อย่างใด
   เพื่อยืนยันว่า Streve Job ต้องการให้ HTML5 กลายเป็นมาตรฐานใหม่อย่างจริงจัง เราก็ได้พบ ว่าแอปเปิลเองก็ถึงต้องกับทำเรื่องที่ไม่ค่อยเป็นธรรมนัก โดยฟีเจอร์ใหม่ของมาตรฐานการแสดงผลเว็บแห่งอนาคตอย่าง HTML5 เวอร์ชันเดโมที่อยู่บนเว็บไซต์ www.apple.com/html5 นั้นจะมีเพียงผู้ที่ใช้บราวเซอร์จากแอปเปิลเท่านั้นที่สามารถเรียกเปิดขึ้นมาดูได้ ส่วนผู้ที่ใช้บราวเซอร์อื่นก็จะไม่สามารถเข้าถึงเนื้อหาในหน้าเว็บไซต์นี้ได้ "คุณจะต้องใช้ Safari สำหรับการเรียกดูเดโมของมาตรฐานการแสดงผลเว็บแบบล่าสุดนี้" คือข้อความที่จะได้รับหากคุณใช้บราวเซอร์อย่าง Firefox หรือ Chrome เปิดเข้าไป ทั้งๆ ที่บราวเซอร์เหล่านี้ต่างก็สนับสนุน HTML5 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
   อย่างไรก็ตามวิธีจัดการกับเล่ห์เหลี่ยมของแอปเปิลในรูปแบบนี้ก็คือให้คุณเปลี่ยนแปลงค่าของ User Agent ในบราวเซอร์ Chrome เล็กน้อย และจำลองหน้าเว็บของแอปเปิลที่ออกแบบมาเฉพาะบราวเซอร์ Safari ขึ้นมาใหม่ เพียงเท่านี้เดโมเหล่านั้นก็จะสามารถรันด้วย Firefox และ Chrome ได้แบบไร้ปัญหา วิธีการนี้สามารถนำไปใช้กับการเซิร์ฟไปยังหน้าเว็บโดยตรงได้อีกด้วยอย่างเช่น http://developer.apple.com/safaridemos/typography.php โดยเรียกเปิดเดโมขึ้นมาบนแท็บใหม่ ซึ่งด้วยเคล็ดลับดังกล่าวนี้ก็ทำให้แอปเปิลกลายเป็นตัวตลกในการแข่งขันทางด้านบราวเซอร์ในที่สุด เห็นได้อย่างชัดเจนว่าจุดแบ่งทางการตลาดซึ่งจากเดิมก็มีอยู่เพียงแค่ 4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

apple-vs-google

Google: แอปเปิลสร้างคู่แข่งจากความแตกร้าวและก้าวร้าว
   แอปเปิลยังคงก้าวต่อไปอย่างไม่ยุดยั้งจนทำให้ความสัมพันธ์กับบริษัทอื่นๆ ต้องเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างหลักเลี่ยงไม่ได้ตัวอย่างที่สำคัญในที่นี้ก็คือ Google เพราะขณะที่แอปเปิลกำลังดื่มด่ำกับความสำเร็จของ iPhone แต่ในขณะเดียวกันความสัมพันธ์อันดีที่เคยมีกับอดีตเพื่อนร่วมงานรายนี้ก็เป็นอันดับต้องแตกร้าวในที่สุด โดยเฉพาะกรณีที่แอปเปิลต้องการขยาย แพลตฟอร์มสำหรับการโฆษณาผ่านโทรศัพท์มือถือด้วยการเปิดตัว iAd ออกสู่ตลาด โดยนักวิเคราะห์ต่างก็คาดการณ์ว่าแอปเปิลนั้นต้องการที่จะรุกตลาดการโฆษณาบนเว็บอย่างรุนแรง ซึ่งภายในเวลาเพียง 8 สัปดาห์แรกนั้นแอปเปิลก็ได้รับการสั่งจองโฆษณาโดยมีมูลค่ารวมทั้งหมดถึง 60 ล้านดอลลาร์โดยไม่เว้นแม้แต่สินค้าในกลุ่มเล็กๆ ที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก
   ความทะเยอทะยานของแอปเปิลยังคงไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ พวกเขาต้องการที่จะเป็นผู้นำ ในด้านนี้โดยมีเป้าหมายในการขจัดโฆษณาของ Google ออกจากแอพพลิเคชันที่ประสบความสำเร็จโดยเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ด้วยเหตุนี้แอปเปิลจึงจำเป็นต้องผูกขาดตลาดการโฆษณาบนโทรศัพท์มือถือโดยใช้ iPhone และ iPad เป็นเครื่องมือหลัก ซึ่ง Google ก็ได้วิจารณ์การกระทำดังกล่าวนี้ว่าในไม่ช้านี้ทั้งผู้พัฒนาและผู้ใช้ก็จะต้องพบกับความยากลำบากเพราะในท้ายที่สุดแล้วแอพพลิเคชันให้ดียิ่งขึ้นเพราะมัวแต่มุ่งความสนใจไปที่ iAd ของแอปเปิล ท้ายที่สุดแล้วก็จะไม่มีการแข่งขันเชิงสร้างสรรค์อีกต่อไป
   พฤติกรรมของแอปเปิลได้กลายเป็นที่สนใจของสมาพันธ์คุ้มครองการแข่งขันทางการค้าแห่งสหรัฐอเมริกาในที่สุด ซึ่ง FTC (Federail Trade Commission) ก็กำลังทำการตรวจสอบอยู่ว่าการกีดกัน Google ในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ผิดกฏหมายหรือไม่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับการกระทำที่ค่อนข้างน่าเกลียดเช่นนี้เพราะแม้แต่ Amazon เองก็เคยมีประสบการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้กับแอปเปิลมาแล้วในเรื่องของการดาวน์โหลดเพลง ซึ่งก็ทำให้แอปเปิลมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ลำดับที่ 2 อย่าง Amazon นั้นมีเพียงแค่ 12 เปอร์เซ็นเท่านั้น อย่างไรก็ตามการผูกขาดในเรื่องนี้ก็ทำให้บรรดาเจ้าของธุรกิจเพลงต้องถูกบังคับให้ดำเนินนโยบายตามแอปเปิลไปด้วย กล่าวคือจะต้องเปิดให้มีการดาวน์โหลดเพลงเป็นกรณีพิเศษ 1 วันก่อนที่จะวางจำหน่ายจริง
   รายงานจากนิตยสารเพื่อการค้าขายเพลงของอเมริกาอย่าง "Billboard" นั้นระบุว่า แอปเปิลได้พยายามชักชวนให้บริษัทเพลงต่างๆ เข้ามาร่วมธุรกิจกับตน ซึ่งผลร้ายที่จะเกิดขึ้นก็คือ ในอนาคตแอปเปิลก็จะไม่จำเป็นต้องนำมาเสนอเพลงเหล่านั้นผ่านทาง iTunes Store อีกต่อไป ทางด้านกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกาก็กำลังตรวจสอบอยู่ว่าการกระทำดังกล่าวของแอปเปิลนั้นเข้าข่ายผิดกฏหมายแห่งการแข่งขันทางการค้าหรือไม่ และนอกจากนี้ก็ยังมีการกระทำอีกอย่างที่ขัดหูขัดตาอย่างยิ่ง นั้นก็คือแอปเปิลได้สั่งห้ามไม่ให้มีการพัฒนาแอพพลิเคชันสำหรับ iPhone โดยมีพื้นฐานมาจากโปรแกรมประเภท Flash อย่างเด็ดขาด โดยแอพพลิเคชันทุกตัวจะต้องได้รับการพัฒนาด้วยเครื่องมือภายใต้ สภาพแวดล้อมของแอปเปิลที่สามารถรันได้เฉพาะบนระบบปฏิบัติการของแอปเปิลเองอย่าง OS X เท่านั้น ด้วยเหตุนี้แอพพลิเคชันที่พัฒนาจากผลิตภัณฑ์ของ Adobe จึงหมดสิทธิ์ไปโดยปริยาย ยิ่งไปกว่านั้นสื่อมัลติมีเดียต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ หนังสือพิมพ์ หรือหนังสือนวนิยายที่ถูกสร้างขึ้นด้วยผลิตภัณฑ์ของ Adobe ก็ได้รับผลกระทบโดยตรงเช่นกัน เพราะการจะแปลงเนื้อหาให้อยู่ในรูปแบบของแอพพลิเคชันสำหรับแอปเปิลนั้น เป็นเรื่องที่ยากลำบากมากอีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

 android-market-app-store

นักพัฒนา: ความปลอดภัยของแอพพลิเคชันภายใต้กฏเข้มเต็มพิกัด
   หากคุณเปรียบเทียบ App Store กับ Android Market ของ Google ก็จะพบว่าแอปเปิลเป็นผู้ชนะอย่างขาดลอยโดยเฉพาะในเรื่องของความปลอดภัย เพราะจะมีเพียงซอฟต์แวร์ที่ผ่านการทดสอบคุณภาพด้วยมาตรฐาานอันเข้มงวดเท่านั้นที่จะสามารถ เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของร้านค้าอันโด่งดังของแอปเปิลได้ ส่วนโปรแกรมอันตรายต่างๆ นั้นจะไม่สามารถเล็ดลอดการตรวจสอบไปได้ง่ายๆ ซึ่งต่างจากกรณีของ Android เป็นอย่างยิ่ง ตัวอย่างก็คือแม้แต่โปรแกรมทำธุรกรรมออนไลน์ปลอมที่ออกแบบมาเพื่อการขโมบข้อมูลล็อกอินของผู้ใช้โดยเฉพาะก็ยังมีให้ดาวน์โหลดอยู่เป็นระยะ

   แต่ทว่าภายใต้ความปลอดภัยดังกล่าวนั้นก็มีข้อเสียอยู่ด้วยเช่นกัน โดยอย่างแรกก็คือกลไกการควบคุมแอพพลิเคชันที่ยังไม่ค่อยดีนัก โปรแกรมเมอร์ทุกคนต่างทำได้เพียงแค่หวังว่าแอปเปิลจะนำโปรแกรมของเขาไปไว้ใน Apple Store โดยเร็วที่สุด แต่ทว่าหลักเกณฑ์ของแอปเปิลนั้นกลับไม่มีข้อกำหนดที่แน่นอน แอพพลิเคชันบางตัวอาจถูกปฏิเสธหรือถูกแบนได้ โดยไม่ทราบสาเหตุ และอย่างที่สองก็คือแอปเปิลดูจะไม่ค่อยให้สิทธิในการรำเสนอสักเท่าใดนักเพราะถ้าหากแอพพลิเคชันใดมีเนื้อหา ที่ขัดแย้งต่อหลักศีลธรรมตามความคิดของแอปเปิลก็อาจจะถูกลบออกไปทันที ตัวอย่างก็คือแอพพลิเคชันของนิตยสาร "Steam" ที่ได้ถูกลบออกไปจากร้าน ค้าในเดือนพฤศจิกายน ปี 2009 ซึ่งเหลุผลในเรื่องดังกล่าวก็คือนิตยสารเล่มนี้มีภาพร่างการที่ค่อนข้างเปลือยเปล่าอยู่มากเกินไป
   ทางเลือกที่ยากลำบากแต่แน่นอนว่าสำหรับนักพัฒนาก็คือการเลิกงอ App Store และหันไปพึ่งพาวิธีการพื้นฐานหรือเครื่องมือต่างๆ สำหรับเว็บแทน ซึ่งด้วยวิธีการดังกล่าวนี้จะช่วยทำให้คุณสามารถสร้างแอพพลิเคชันอย่างเช่น Joana than Stark ที่มีลักษณะเดียวกันกับเวอร์ชันของ iPhone App ได้โดยใช้เครื่องมือมาตรฐาน HTML, CSS และ JavaScript
   ดูเหมือนว่า Steve Jobs จะกระตือรือร้นกับมาตรฐานแบบเปิดของอินเตอร์เน็ตมากเป็นพิเศษ แต่นโยบายต่างๆ ของแอปเปิลนั้นกลับฟังดูขัดแย้งกับหลักการดังกล่าวอย่างชัดเจนโดย เฉพาะเครื่อง iPad เท่านั้น แต่ควรจะให้ความสำคัญกับเนื้อหาใน "รูปแบบเปิด" ที่จะสามารถเรียกใช้งานได้บนอุปกรณ์ทุกชนิดมากกว่า

เตือนภัย โซเซียลเน็ตเวิร์ก ไวรัสเงียบหลากรูปแบบ

network

เมื่อายุของผู้เล่นโซเซียล เน็ตเวิร์กมีออายุน้อยลงและข้อมูลที่อยู่ในพื้นที่ที่หลายคนคิดว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัวนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องส่วนตัวแต่อย่างใด เฟสบุ๊กจึงกลายเป็นช่องทางของอาชญากรไซเบอร์ในการเข้ามาขโมยข้อมูล หรือปล่อยไวรัสแพร่กระจายผ่านช่องทางนี้มากขึ้น

ลูกเล่นใหม่: เจาะใจแฟนคลับ
   ไซแมนเทคและเทรนด์ ไมโคร มีความคิดเห็นสอดคล้องกันว่า การแพร่ระบาดของอีเมล์สแปมในลักษณธนำชื่อของดารา หรือคนดังเพื่อสรางข่าวว่าเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต คือช่องทางที่ทำให้แฟนคลับหลงกล และเกิดกดลิงก์เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมแบบไม่ทันคิด แถมยังส่งลิงก์ต่อๆ กันไปโดยเข้าถึงกันได้เร็วทันทีเพียงกดลิงก์
   รายงานจากไซแมนเทคยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ชื่อคนดังที่ถูกหยิบยกมาเป็นหัวเรื่องที่สแปมเมอร์ใช้สร้างข่าวปล่อยว่า เสียชีวิตแล้ว ก็เล่นบียองเซ่, บอง โจวี ,แบรด พิตต์ เป็นต้น โดยมีเนื้อหาข่าวทำนองว่าเสียชีวิตพร้อมกับผู้ที่เดินทางไปด้วยอีก 34 คน จากอุบัติเหตุเครื่องบินชนกับภูเขา ขณะเตรียมลงสู่สนามบิน เพื่อกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของคนในการติดตามรายละเอียด และยังเพิ่มความน่าเชื่อถือของข่าวด้วยการใส่ชื่อสำนักข่าว หรือชื่อคนดังอื่นๆ ดังนั้นจึงไม่ควรเปิดลิงก์ หรือไฟล์แนบในอีเมล์พวกนี้

Facebook-Malware

ข้อมูลส่วนตัวอันตราย: ถูกขโมยยกแก๊งค์

นายรัฐสิริ อธิบายต่อว่าจำนวนการใช้เฟสบุ๊ก ที่เพิ่มขึ้นกับช่วงอายุของผู้ใช้งานที่ลดลงส่งผลให้เกิดช่องทางใหม่สำหรับการโจมตี ในรูปแบบเดิมๆ ซึ่งขณะนี้เครือข่ายทางสังคมออนไลน์ตกเป็นเป้าหลายหลักของอาชญากรไซเบอร์แล้ว ตัวอย่างเช่น Facebook.com ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 300 ล้านรายทั่วโลก ตกเป็นเป้าโจมตีของบบ็อตเน็ต KOOBFACE เช่นเดียวกัน ซึ่งไม่เพียงแต่เจ้าของเฟสบุ๊กจะได้รับอันตรายเท่านั้น แต่เพื่อนที่อยู่ในเครือข่ายซึ่งสามารถเชื่อมโยงดูข้อมูลต่อๆ กันได้ ก็มีอันตรายตามไปด้วย ดังนั้นผู้ใช้จึงต้องมีสติในการใช้งาน ก่อนที่จะคลิกดูไฟล์หรือลิงก์ต่างไ รวมถึงต้องระวังไม่กรอกข้อมูลไฟล์ ที่สำคัญลงำแในเครือข่ายสังคมออนไลน์ หรือแม้แต่การอัพเดตตลอดเวลา ทำให้อาชญากรผู้ถึงไลฟ์สไตน์ในชีวิตประจำวันและมาสู่การล่อลวงได้

ล้อมคอกก่อนวันหาย: บล็อกลิงก์อันตราย
   ขณะที่แคสเปอร์สกี้ แลป ก็ให้ความสำคัญกับภัยร้ายที่เข้ามาผ่านสังคมออนไลน์ดังกล่าว เช่นกัน โดยมุมมองของแคสเปอร์สกี้ เห็นว่าควรกำหนดผู้ใช้เข้าถึงอินเตอร์เน็ตอย่างปลอดภัยผู้ปกครองต้องสามารถควบคุมการเล่นอินเตอร์เน็ต ของเด็กได้ในการใช้โปรแกรมสแกนการเข้าอินเตอร์เน็ต ในแต่ละเว็บไซต์และบล็อกการเข้าลิงก์และโค๊ดที่อันตรายโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังต้องมีความรุ้ในการควบคุมการดาวน์โหลดไฟล์ และการส่งข้อมูลส่วนตัวของเด็กๆ ที่ใช้งานในบ้านด้วย

วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2553

รวบรวม 4 สุดยอดตัววัดสถิติ

วันนี้มาแนะนำ สุดยอดตัววัดสถิติ ของเว็บเรา สิ่งพวกนี้มีประโยชน์คือ

Traffic spikes - จะมีการแสดงการเข้าชมเว็บไซน์ของท่านจะมีการวัดจากความสูงต่ำของกราฟ แล้วยังสามารถดูว่าคนที่เข้าชมมาจากที่ใด และยังสามารถดูว่าพวกเขากำลังทำอะไร

Social media effect - ข้อมูลเรียลไทม์ช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์และติดตามของ Facebook Twitter ของคุณหรือสื่นอื่นๆ ได้รวดเร็ว

Clicky

Clicky เป็นหนึ่งในเว็บที่นิยมมากที่สุดตอนนี้ เมื่อคุณเข้าไปดูสถิติเว็บไซต์ของคุณแล้วคุณจะเห็นสถิติที่มีความสดใหม่ทุกนาที

clicky

ShinyStat

ด้วย ShinyStat คุณสามารถวัดอัตราการเข้าชมให้กับเว็บไซต์จำนวนมากได้ในเวลาเดียวกัน

shinystats

Reinvigorate

Reinvigorate บริการนี้จะติดตามผู้ใช้งานอยู๋หน้างาน และความนิยและอ้างอิงที่ช่วยในการตรวจสอบที่ผู้เข้าชมมากจากไหน

reinvigorate

Histats

Histats จะให้รายงานเหล่านี้: traffic, visitors, referrer, last 20, special. คุณจะต้องกรอกรายละเอียดในเว็บไซต์ของคุณแล้วเลือกเคาน์เตอร์ 20 วินาทีหลังจากที่คุณจะได้รับรหัสที่คุณจะต้องนำไปใส่ในเว็บไซต์ของคุณ

histats

วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553

SNSD เปิดตัวทีเซอร์ เพลง Hoot



โซนยอชิแด (So Nyeo Shi Dae) เปิดตัวทีเซอร์ 'Hoot' (pingbook)

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2553 ในเว็บไซต์หลักและ YouTube โซนยอชิแด ได้เปิดตัวทีเซอร์สำหรับผลงานเพลงไตเติ้ล 'Hoot' ก่อนจะเปิดตัวในวันที่ 25 ตุลาคม ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ หลังจากเปิดตัวทีเซอร์ภาพนิ่งมาตามลำดับ ล่าสุดพวกเธอได้เผยโฉมทีเซอร์พร้อมกับคอนเซ็ปต์สปายเกิร์ลที่ให้สัมผัส แบบลึกลักชวนให้แฟน ๆ ให้การติดตาม เรียกได้ว่าเสน่ห์ที่โดดเด่นของสมาชิกโซนยอชิแดแต่ละคน ก็ทำให้พวกเธอสามารถสวมมาดสปายบอยด์เกิร์ลที่เต็มเปี่ยม ไปด้วยความชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก


ทีเซอร์ snsd เพลง Hoot



snsd เพลง Hoot

โปรโมชั่น Commart Comtech Thailand 2010 พฤศจิกายน’53

Intel ลงทุน 800ล้านเหรียญ สำหรับการพัฒนาชิปขนาดเล็กกว่า 15nm



Intel ประกาศจะลงทุน 800 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อสร้างโรงงานใหม่
และใช้เป็นทุนในการวิจัยพัฒนาชิปที่มีกระบวนการผลิตขนาด 15nm รวมถึงชิปที่เล็กกว่านั้น

กรรมการผู้จัดการใหญ่และผู้จัดการทั่วไปของ Intel Technology and Manufacturing Group
ที่ดูแลด้านบรรจุภัณฑ์และการทดสอบการผลิต (Brian Krzanich) เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2011
Intel จะมีการแนะนำชิปประมวลผลขนาด 22nm ในชื่อ "Ivy Bridge" แต่ในช่วงไตรมาสแรกจะเป็น
"Sandy Bridge" ไปก่อน

นาย Brian กล่าวว่าการสร้างโรงงานในรัฐ Oregon นั้นเรามีความมุ่งมั่นที่จะผลิตชิปขนาด 15nm
โดยประมาณการณ์ว่าจะมีผลิตภัณฑ์ออกมาได้ในช่วงปี 2013 เราจะได้เห็นชิปที่กระบวนการผลิต
15nm, 11nm, 8nm และต่ำกว่า 8nm นวัตกรรมนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของ
หน่วยประมวลผลในตลาดอย่างยิ่งใหญ่

นอกจากนี้ Brian ยังกล่าวอีกว่าการวิจัยและพัฒนาชิป 15nm ยังคงอยู่ในขั้นตอนในห้องแล็ปอยู่
และคงต้องใช้เวลานานกว่าจะออกมาให้เห็นกัน โปรเซสเซอร์ "Ivy Bridge" จะเป็นโปรเซสเซอร์
รุ่นถัดไปต่อจาก "Sandy Bridge" โดย "Ivy Bridge" จะผลิตด้วยกระบวนการผลิตแบบ 22nm


Source : Ccidnet.com, Chiphell

ไอซีที"คาดเปิดประมูล3จีปี′55 ชี้สรรหา"กสทช."ยาวถึงเม.ย.ปีหน้า



ไอซีที"คาดเปิดประมูล3จีปี′55 ชี้สรรหา"กสทช."ยาวถึงเม.ย.ปีหน้า

"จุติ ไกรฤกษ์" รมว.ไอซีที คาดเปิดประมูล 3 จีได้ปี 2555 โน่น เหตุขั้นตอนสรรหา"กสทช."ส่อยาวถึง เม.ย.ปีหน้า เผย กมธ.ร่วมเตรียมถกสรุปร่าง กม. 18 พ.ย.ให้ทันสมัยประชุมนี้ เบื้องต้นไฟเขียวบอร์ด กสทช.11 คน

นาย จุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า ในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ คณะกรรมาธิการร่วมระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จะมีการประชุมร่วมกัน และน่าจะสรุปสาระสำคัญใน 4 ประเด็นหลักที่เห็นแตกต่าง ในร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุ กระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ....หรือ พ.ร.บ. กสทช. กันได้แล้วเสร็จ จากนั้น คาดว่าจะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาได้ทันวันปิดสมัยการประชุม ในวันที่ 23 พฤศจิกายน


ทั้งนี้ กระทรวงไอซีทียังมั่นใจว่า ร่าง พ.ร.บ.กสทช. จะแล้วเสร็จภายในต้นปี 2554 และกระบวนการสรรหาคณะกรรมการ กสทช. จะแล้วเสร็จช่วงเดือนเมษายน 2554 ดังนั้นหากจะมีการเปิดประมูลใบอนุญาต (ไลเซ่น) ใหม่ บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ตซ์ สำหรับการเปิดให้บริการ 3 จี นั้น กระบวนการประมูลจึงน่าจะล่าช้าออกไปอีกอย่างน้อยหนึ่งปีหรือประมาณปี 2555

นาย จุติกล่าวว่า เบื้องต้นการพิจารณาแก้ไขร่าง พ.ร.บ.กสทช. ของคณะกรรมาธิการร่วมได้สรุปจำนวนกรรมการ กสทช.แล้วที่ 11 คน ซึ่งเดิม ส.ว.ได้ขอแก้ไขปรับเพิ่มองค์ประกอบ ของคณะกรรมการ กสทช. เป็น 15 คน เพราะต้องการเพิ่มผู้ที่มีผลงานหรือมีความรู้และมีความเชี่ยวชาญหรือ ประสบการณ์ด้านการศึกษา วัฒนธรรม หรือการศาสนาหรือการพัฒนาสังคม และเพิ่มผู้มีผลงานหรือมีความรู้ มีความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ด้านความมั่นคงของรัฐหรือการบริหารราชการอีก จำนวน 2 คน พร้อมเพิ่มเติมให้สถาบันการศึกษาของรัฐ และองค์กรเอกชนที่ไม่แสวงหากำไรในด้านความมั่นคงและด้านการบริหารราชการเป็น หน่วยงานที่มีสิทธิเสนอรายชื่อกรรมการ กสทช.


นายจุติกล่าวว่า สำหรับสาระสำคัญในถ้อยคำตามร่าง พ.ร.บ.กสทช.ที่วุฒิสภาแก้ไขมา ใน 23 มาตรา ครอบคลุมใน 4 ประเด็นสำคัญ ได้แก่

1.องค์ประกอบของ กสทช. วุฒิสภากำหนดให้มี 15 คน จากร่างเดิมที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรไป 11 คน

2.คุณสมบัติ ของ กสทช. วุฒิสภาแก้ไขให้บุคคลที่จะมาทำหน้าที่ กสทช. ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกิน 70 ปีบริบูรณ์ จากเดิมที่ร่างของสภาผู้แทนราษฎรกำหนดให้มีอายุไม่ต่ำกว่า 30 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกิน 65 ปี


3.การ จัดทำแผนแม่บท วุฒิสภาแก้ไขให้การจัดทำแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่ของ กสทช. ต้องมีระยะเวลาในการรับฟังความคิดเห็นในการจัดทำแผนแม่บทไม่น้อยกว่า 30 วัน และต้องกำหนดรายละเอียด เพื่อใช้งานด้านความมั่นคงของรัฐอย่างเพียงพอ เหมาะสม ขณะที่ร่างของสภาผู้แทนราษฎรไม่มีการกำหนดระยะเวลาในการจัดทำแผนแม่บท รวมไปถึงไม่ได้กำหนดเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับงานความมั่นคงของรัฐ


และ 4.การนำส่งรายได้ให้ กสทช.ของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) วุฒิสภาบัญญัติให้เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลา 3 ปี นับแต่วันที่ พ.ร.บ.ฉบับนี้ประกาศบังคับใช้ ให้รัฐวิสาหกิจที่ได้รับจัดสรรไปให้ผู้อื่นประกอบกิจการนำส่งรายได้ จากผลประกอบการในส่วนที่ได้รับจากการให้อนุญาตที่รัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการ ตามกฎหมาย ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงาน หรือดำเนินการในกิจการของรัฐ ไม่ว่าจะได้ทั้งหมดหรือบางส่วนมาให้ กสทช. โดยให้หักค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่ง กสทช.จะนำส่งเงินดังกล่าวเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป

Mozilla มอบรางวัล 3000 เหรียญให้แก่หนุ่มวัย 12 ปี



หลังจากที่ก่อนหน้านี้ Mozila เคยออกมาประกาศว่า จะจ่ายเงินรางวัลให้กับนักวิจัยที่สามารถค้นหาช่องโหว่ที่อาจเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยในการใช้งานเบราเซอร์ Firefox ได้ ซึ่งล่าสุดผู้ที่ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 3,000 เหรียญ นั้นก็คือ Alex Miller หนุ่มน้อยวัย 12 ปีที่สามารถค้นพบ และรายงานความเสียหายของหน่วยความจำในเบราเซอร์ Firefox ให้แก่บริษัทรับทราบ



โดย Alex Miller ได้อธิบายว่า เขาเป็นผู้ที่ใช้เว็บเบราเซอร์ Firefox มาเป็นเวลายาวนานและได้ทำการรายงานช่องโหว่ให้แก่บริษัทมาหลายครั้ง แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่เพียงพอสำหรับการรับรางวัลเสียเท่าใด เขาจึงตัดสินใจใช้เวลาในแต่ละวันราวๆ 10 วัน จึงทำให้เขาสามารถค้นพบข้อบกพร่องจากหน่วยความจำในการทำงานของโปรแกรมได้ ข้อบกพร่องดังกล่าวอาจจะถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่ดี และอาจจะมีการเรียกใช้โค้ดที่ไม่เหมาะสมโดยไม่ได้รับอนุญาติได้ ซึ่ง Mozilla ได้ทำการแก้ไขช่องโหว่ดังกล่าว โดยทำการออกแพทซ์สำหรับเบราเซอร์เวอร์ชั่น Firefox 3.6.11 และ 3.5.14 ให้ผู้ใช้ทำการดาวน์โหลดแล้ว

ที่มา : techspot ,Madcatz

วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Windows 8 พร้อมวางจำหน่ายได้ภายในสองปี

   windows8beta-11

วานนี้ทาง Microsoft ประเทศเนเธอร์แลนด์ได้โพสต์ข้อความภายในบล็อกของตนว่า Microsoft กำลังพัฒนาเวอร์ชั่นถัดไปของ Windows อยู่ และพร้อมวางจำหน่ายได้ภายในระยะเวลาสองปี

     เว็บไซต์ Winrumors ได้แปลข้อความดังกล่าวจากภาษาดัซด์ได้ใจความว่า "ยิ่งไปกว่านั้น Microsoft กำลังพัฒนาเวอร์ชั่นถัดไปของ Windows อยู่ ซึ่งจะต้องใช้เวลาสองปีกว่าที่ Windows 8 จะวางตลาดได้" โดยเมื่อเร็วๆ นี้ Steve Ballmer ซีอีโอของ Microsoft ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเวอร์ชั่นถัดไปของ Windows นั้นจะเป็น "การพนันที่เสี่ยงที่สุด" อันเนื่องมาจากความสำเร็จอันมากมายของ Windows 7 นั่นเอง

ที่มา: Neowin

เมื่อช่วงต้นเดือนมีหนังสือเล่มหนึ่งเขียน เรื่อง windows 8 สิ่งที่จะมีเข้ามาใน windows 8

Berrelfish: เหมาะสำหรับ Multicore

ระบบปฏิบัติการนี้จะมีเคอร์เนลเฉพาะสำหรับแต่ละแกนหลักของ CPU และมีไดรเวอร์พิเศษสำหรับ CPU แต่ละประเภท ข้อดีของมันคือ ประสิทธิภาพในการคำนวณจะเพิ่มขึ้นตามแกนหลักของ CPU และเจ้าระบบปฏิบัติการนี้ทำงานได้กับทุก Hardware

Singularity: ระบบที่ไม่มีวันล้ม

Singularity จะช่วยให้คุณลืมบลูสกรีนไปเลย มันยังสามารถป้องกันอันตรายจากมัลแวร์ได้อีกด้วย เคอร์เนลจะรันโปรแกรมใช้งานต่างๆ ขึ้นมาใน Runtime ที่ถูกแยกต่างหาก และจะทำการติดต่อกันผ่านทาง Exchange Heap จึงไม่ต้องกลัว Buffer Overrun อีก

Gazelle: บราวเซอร์ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

Gazelle ทำให้สามารถเล่นอินเตอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น เพราะมันจะทำการตรวจสอบที่มาของเนื้อหาในเว็บก่อน และจะทำการรันขึ้นมาในโพรเซสที่แยกต่างหาก

แยกเนื้อหา Gazelle จะแยกโค้ดคำสั่งที่อยู่ภายในเว็บออกเป็นโพรเซสที่แตกต่างกัน หากมันถูกโหลดมาจากที่ต่างกัน

กำหนดสิทธิ แต่ละโพรเซสจะได้สิทธิในการใช้งานต่างกันไป โค้ดที่มาจากแหล่งที่ไม่รู้จักจะถูกรันขึ้นมาโดยใช้สิทธิการใช้งานที่น้อยกว่า

Package Management: หมดปัญหาเรื่องซอฟต์แวร์

ผมเชื่อว่าคนแถวๆ นี้คงเคยใช้ลินุกซ์กันทุกคน และทุกคนก็คงรู้จักระบบจัดการแพกเกจบนลินุกซ์กันมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นพวกตระกูลใหญ่อย่าง APT หรือ RPM/Yum รวมถึงระบบจัดการแพกเกจอื่นๆ เช่น Fink และ Portage

บนวินโดวส์ไม่มีระบบลักษณะนี้ และความยากเข็ญจะเกิดขึ้นทันที ถ้าเรามีเหตุต้องใช้โปรแกรมโอเพนซอร์สที่ออกแบบมาสำหรับยูนิกซ์บนวินโดวส์ ปัญหานี้ทำให้วินโดวส์ขาดแคลนโปรแกรมดีๆ หลายตัวที่อยู่บนฝั่งยูนิกซ์

Garrett Serack นักพัฒนาฝ่ายโอเพนซอร์สของไมโครซอฟท์ แก้ปัญหานี้ด้วยการสร้างระบบจัดการแพกเกจลักษณะเดียวกับฝั่งยูนิกซ์ขึ้นมาบนวินโดวส์ ชื่อของมันคือ CoApp (ย่อมาจาก The Common Opensource Application Publishing Platform)

CoApp จะใช้ฟอร์แมต .msi สำหรับแพกเกจของโปรแกรม ใช้ WinSxS สำหรับจัดการเวอร์ชันของโปรแกรม (WinSxS ใช้จัดการเวอร์ชันของไฟล์ .dll) และใช้เทคโนโลยีของวินโดวส์อีกหลายๆ ตัว เพื่อวิธีทำงานไม่แตกต่างไปจากระบบโปรแกรมของวินโดวส์แบบปกติ

CoApp เพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้น ใช้สัญญาอนุญาตแบบโอเพนซอร์สทั้งหมด และได้รับการสนับสนุนจากไมโครซอฟท์ 100% ซอร์สโค้ดของโครงการอยู่บน Launchpad อีกต่างหาก

ที่มา - MSDN, Ars Technica ,blognone

Windows 8 พร้อมรับเทคโนโลยีใหม่แล้ว

64 แทนที่ 32 บิต: Windows 8 จะมีแต่ เวอร์ชัน 64 เท่านั้น

EFI แทนที่ BIOS , .Net แทนที่ Com ,MF แทนที่ DirectShow

วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2553

แก้ภาษาไทยใน Opera 10 ให้ปกติ

ให้คลิกไปที่ Tools แล้วเลือก Preferences เสร็จแล้วให้เลือกไปที่หัวข้อ Web pages ตั้งค่าตรง Normal font และ Monospace font ให้เป็น Tahoma

1

2

แล้วก็ไปที่หัวข้อ Advanced เลือก Fonts แล้วคลิกที่ International fonts... ในหัวข้อนี้ตั้งค่า Writing system ให้เป็น Thai แล้วเลือกฟอนต์เป็น Tahoma

3

4

เพียงเท่านี้ฟอนต์ภาษาไทยใน Opera ก็สวยงามแล้ว

เครดิต…vinai55

กลับมาใช้อีกครั้ง Opera 10.63


หายไปนานกับการเขียนบล็อก และหายไปใช้บาร์วเซอร์ตัวอื่นแทน แต่ก่อนคิดว่าจะจมปลั๊กกับ Opera ตลอดแต่เวลาผ่านไปก็ลองกับไปใช้หมาไฟ อีกครั้งทั้งที่แต่ก่อนไม่ชอบเอาซะเลย กินแรมได้ใจ ช้าได้ใจ ไม่ลื่นไหลเลย แต่ก็ทนใช้ แต่พอมาวันนี้ทนกับความนืดไม่ไหว จัด Opera 10.63 มาลง สัมผัสได้เลยว่าลื่นหัวแตก พอๆ กับ Google Chrome แต่ Chrome เอามาใช้แต่จริงๆ จังยังไม่ค่อยได้ ในที่สุดก็ได้กลับมาซบอก Opera อีกครั้ง เป็นที่น่าพอใจมาก

features ในเวอร์ชันนี้


Mouse gestures   Opera Turbo  Speed Dial

Opera Link     Customization    Zoom

Opera Mail         Widgets        Opera Unite

Integrated Web  Content blocking  Sophisticated tabs
search

หลักๆ ก็มีมาแต่รุ่นก่อนๆ แล้ว อยากแนะนำให้ลองนำไปใช้กันดู คุณต้องลอง

Opera 10.63

วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ToT เน่าแฟะ

หลายวันมานี้เล่นเน็ตอย่างไม่มีความสุขเลย ช่วงนี้ต่อได้ก็จริง แต่มันต่อได้แค่ 28-26 แถมยังหลุดกระจาย เดือนก่อนอย่าไปพูดถึงเลย เงินฉันไหลไปกับไไปกับค่าโทรศัพท์หมดเลย อยู่บ้านนนอกมันลำบากเท่านี้เชียวหรือ อยากเล่นอยากลอง มันก็ยังไม่ได้การอย่างนี้ ช่วงนี้ก็็เลยใช้การเน็ตไม่ค่อยได้ ตอนนี้ก็กำลังคิดอยู่ว่าจะทำอะไรนอกจากเขียนบล็อก เริ่มเบื่อ แต่คงจะไปไหนไม่ได้ ไม่มีเวลาอย่างจริงๆ เขียนบล็อกก็เริ่มไม่ไหวแหละ (ไม่รู้จะเขียนอะไร) ช่วงนี้ความรู้สึกส่วนตัวใครๆ ก็เริ่มไม่ทำงาน (เขียนบล็อก) กันเท่าไหร่ หรือจะเพราะทุกคนไม่ค่อยมีเวลา คงจะเป็นเช่นนั้น เครียดกิน...

อยู่ตรงนี้ - พงษ์สิทธิ์ คำภีร์

เพลง... อยู่ตรงนี้
ศิลปิน... พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์

วานนี้ยังมีเธอ อยู่ตรงนั้นตรงนี้เสมอ เดินมาเดินไป

ไม่เคยหันเหไปไหน อยู่ตรงกลางหว่างใจไปไหน ก็มีเธออยู่

อยู่ตรงนั้นมานาน อยู่ในความรู้สึก สำนึกในใจว่ารัก

ยามเช้าสดชื่นเสมอ จะมีเธอตื่นขึ้นพร้อมเช้าไปสู้กับงาน

แยกทางชั่วครั้งชั่วคราว ออกดิ้นรนมือสาวเท้าวางไว้รองชีวิต



*แต่เธอไปไม่ลา ไม่มีเธอกลับมา ไม่มีแม้เสียง

นึกถึงเธอบอกกับฉัน มีแต่ความตายเท่านั้น

ที่จะพรากเราไปจากกัน..ได้



**วันนี้คนที่เรารักมาจากเราไป

ความตายพรากเธอไปไหนใครเล่าจะรู้

เธอคงจะเหงาเคว้งคว้างคงเศร้าสับสน

ผู้คนมากมายความตายใยเลือกเอาเธอ

ไปแล้วไม่มีหวนคืน(กลับ)


( *,** )


วันนี้ฉันไม่มีเธอ ไม่อยากเผลอใจคิดชีวิตจะเป็นอย่างไร

[audio http://tanjen.bloggoo.com/files/2008/03/yarkoy.mp3]

ที่มา - musicatm.com